สันนอก และ สันใน เป็นส่วนของเนื้อหมูที่หลายคนมักจะสับสนและสงสัยว่าต่างกันอย่างไร และส่วนไหนจะเหมาะกับการทำอาหารชนิดใด วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจและพาคุณไปรู้จักกับเนื้อหมูทั้งสองส่วนนี้ให้มากขึ้น
ความแตกต่างของเนื้อหมูสันนอก และ สันใน
สันนอก (Sirloin)
- ลักษณะ: มีไขมันแทรกอยู่บ้าง ทำให้เนื้อมีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีรสชาติหวานมัน
- ส่วนที่ได้มา: มาจากบริเวณหลังของหมู ใกล้ ๆ กับส่วนสะโพก
- เหมาะสำหรับ:
- ย่าง: ให้รสชาติที่หอมหวาน เนื้อนุ่ม
- ผัด: เนื้อนุ่ม เคี้ยวเพลิน
- ทำสเต๊ก: เนื้อมีรสชาติเข้มข้น
- ทำหมูผัดกะเพรา: ได้รสชาติที่กลมกล่อม
- ข้อดี: มีความหลากหลายในการนำไปปรุงอาหาร เนื้อนุ่ม มีรสชาติอร่อย
- ข้อเสีย: อาจมีไขมันมากเกินไปสำหรับบางคน
สันใน (Tenderloin)
- ลักษณะ: เป็นเนื้อล้วน ๆ ไม่มีไขมันแทรก เนื้อนุ่ม ละเอียด
- ส่วนที่ได้มา: มาจากบริเวณด้านในของสันหลังหมู เป็นส่วนที่ขยับตัวน้อยที่สุด
- เหมาะสำหรับ:
- สเต๊ก: เนื้อนุ่ม ละลายในปาก
- หมูสะเต๊ะ: เนื้อนุ่ม หวาน
- หมูแดดเดียว: เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว
- ข้อดี: เนื้อนุ่ม ละเอียด เหมาะกับการปรุงอาหารที่ต้องการความนุ่ม
- ข้อเสีย: เนื้ออาจดูแห้งหากปรุงไม่ถูกวิธี
สรุปแล้ว สันนอก หรือ สันใน อันไหนดีกว่ากัน?
- ถ้าชอบเนื้อนุ่ม มีรสชาติหวานมัน: เลือกสันนอก
- ถ้าชอบเนื้อล้วน นุ่ม ละเอียด: เลือกสันใน
เคล็ดลับในการเลือกซื้อสันนอกและสันใน
- สังเกตสี: เนื้อหมูสดจะมีสีชมพูอ่อน ๆ เนื้อแน่น ไม่เละ
- สัมผัส: เนื้อสัมผัสต้องนุ่ม ไม่แข็ง
- กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเหม็นคาว
วิธีการปรุงอาหารให้สันนอกและสันในอร่อย
- สันนอก: ควรย่าง หรือผัดไฟแรง เพื่อให้เนื้อมีความนุ่มและหอม
- สันใน: ควรปรุงด้วยวิธีที่ไม่ทำให้เนื้อแห้ง เช่น ย่างพอสุก หรือทำสเต๊ก
คำแนะนำเพิ่มเติม
- การหมัก: การหมักเนื้อด้วยเครื่องเทศหรือซอสต่างๆ จะช่วยเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้กับเนื้อหมูมากยิ่งขึ้น
- การพักเนื้อ: ก่อนนำไปปรุงอาหาร ควรพักเนื้อไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้เนื้อได้คลายความเย็น
- ไฟที่ใช้ในการปรุง: ควรใช้ไฟกลางถึงไฟแรง เพื่อให้เนื้อสุกทั่วถึงและไม่แข็ง
สรุป
ทั้งสันนอกและสันในต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกซื้อเนื้อหมูชนิดใดขึ้นอยู่กับความชอบและเมนูอาหารที่ต้องการปรุง หากคุณยังไม่เคยลองทานทั้งสองชนิด ลองซื้อมาปรุงอาหารดู แล้วคุณจะพบว่าเนื้อหมูแต่ละส่วนนั้นมีรสชาติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน